fbpx

Fallen Angel – เรื่องราวของนางฟ้าและเทวดาตกสวรรค์

เมื่อเวลาค่ำคืนบนถนนที่มีสถานบันเทิง การสนองตัณหาและกามารมณ์คละคลุ้งทั่วกรุงเทพฯ เวลานี้ผู้เขียนกำลังนั่งรถส่วนตัวกลับบ้านในขณะที่ลอดใต้อุโมงค์สองรอบก็ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเราอยู่บนถนนเส้นไหน นั่นก็คือถนนรัชดานั่นเอง เหล่าแสงสี ภาพโปสเตอร์ที่ประดับประดาด้วยแสงไฟอาบถนนเหมือนฝนนีออนสีสันฉูดตาได้สาดใส่ตาฉันส่วนผู้คนก็จอแจแออัดอยู่ย่านพระราม 9 พอฉันได้อยากสูดมลพิษจึงได้เปิดกระจกรถลงก็ได้แรงปะทะลมอัดหน้าเต็มเปาเลยทีเดียวพลอยให้อดนึกถึงสองนักฆ่าพระนางขี่จักรยานยนต์ลอดใต้อุโมงก์อย่าง “Fallen Angle นักฆ่าตาชั้นเดียว” ไม่ได้เสียแล้ว

แน่นอนว่าฉันไม่สามารถปฏิเสธผลงานจากผู้กำกับเลื่องชื่อแดนฮ่องกงอย่าง ‘หว่อง กา ไว’ เป็นชื่อที่ใครๆในยุค 90s นั้นคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วขนาดควันฝุ่น PM 2.5 ก็ดันแสบจมูกเหมือนควันบุหรี่ในเรื่องที่สูบกันเป็นล่ำเป็นสันกันอยู่แล้ว ถ้าให้เทียบกับปัจจุบันก็คงไม่ต่างกับการนั่งรอคอยใครสักคนสนแอปฯหาคู่ออนไลน์และคุยสนทนากันแม้จะไม่เคยเห็นหน้าจริงๆก็ตาม เพราะบางทีการคุยแบบนามสมมุติก็อาจรู้ใจกว่าคนเจอหน้าหรือคนใกล้ตัวที่เราคาดไม่ถึงให้มันเลยเถิดความสัมพันธ์ให้เกินมิตรภาพฉันท์เพื่อนไปเสียแล้ว

เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเรื่องสั้นสองคู่ระหว่าง “นักฆ่าผู้ที่ไม่ได้เจอกันการทำงานใน 3 ปี” และ “หญิงสาวผู้โดนหักหลังกับหนุ่มใบ้” ถึงแม้พูดแล้วความสัมพันธ์แลดูกว้างแต่ความเป็นจริงนั้นเกิดขึ้นในเมืองเล็กๆอย่างฮ่องกงนั่นเองและทั้งสองคู่นี้มักจะเจอกันในรูปแบบสวนไปสวนกันมาและเจอกันในสถานที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆกันได้อย่างไม่น่าเชื่อไม่ว่าจะเป็นการซุกซ่อน การเหม่อลอย การมีกามารมณ์ หรือ ความเปลี่ยวเหงาก็ถูกถ่ายทอดได้ดีผ่านการกำกับภาพของ ‘คริสโตเฟอร์ ดอยด์’ ผู้กำกับภาพมือฉมังของ หว่อง กา ไว เลยก็ว่าได้

โดยเฉพาะการจัดองค์ประกอบแบบเลนส์ Wide บนฟิล์มขนาด 35mm บอกได้เลยว่า จะมองให้ดูกว้างมันก็กว้างแต่เปี่ยมด้วยอารมณ์เหงาและหว่าเว้ในใจอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว อย่างน้อยเรื่องราวอันนี้ถือว่าเป็นการจบที่ดีที่สุดสำหรับความคิดเห็นส่วนตัวของฉัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน แสง มุมกล้อง บทพูด การผูกปมทั้งสองฝั่งให้ขมวดมาเจอกันพร้อมกับการทิ้งบางอย่างให้เราคิดต่อคงอดไม่ได้ที่จะแนะนำเรื่องนี้ให้ดูเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนงานแฟชั่นที่จะห้ามใจไม่กล่าวก็คงไม่ได้ อย่างการนำไอคอนนิคก่อนแฟชั่น Y2K จะฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง ก็ได้มีการ Match ชุดอย่างชุดหนังกับถุงน่องตาข่ายให้ดูเซ็กซี่เย้ายวนแล้ว ยังจะมีการทำทรงหน้าม้าปิดตาแสดงถึงความลึกลับ แต่ในขณะเดียวกันชุดหนังรัดรูปที่เธอใส่ก็แสดงถึความเปิดเผย หรือ การไม่ระมัดระวังความรู้สึกใครๆก็ได้ ถึงแม้ขณะที่ทำความสะอาดจะเปิดหน้าผากและหนีบกิ๊บพลาสติกก็ตาม แสดงถึงการเปิดเผย ระมัดระวังตัว และ การพิถีพิถันในการดูแลตัวเองเช่นกัน

ทางด้านพระเอกจะเป็นการสวมเบลส์เซอร์ กับเสื้อยืดเรียบๆกับกางเกงขา 5 ส่วน ดูถึงความเรียบหรู แต่ในขณะเดียวกันการใส่เครื่องประดับอย่างโซ่เงินก็ไม่ใช่เป็นการบ่งบอกถึงความเท่อย่างเดียวอีกนัยยะนึงคือการมีพันธะติดพันอยู่กับบางสิ่งบางอย่างก็ได้ และแน่นอนการใส่แว่นในแต่ละทีนั่นก็คือสะสางภารกิจให้สำเร็จนั่นเอง

ส่วนตัวละครอย่างคนรักชั่วข้ามคืนของนักฆ่าก็จัดแต่งให้เปรี้ยวจี๊ดจ๊าด แต่มันก็คือคนที่มาแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ขณะที่ขนาดกลิ่นตัวที่นางฟ้านักฆ่าของเรานั้นจำได้มันก็ทำให้จิตใจของหล่อนนั้นบอบช้ำเหมือนปีกที่สยายได้หยุดบินลงไปชั่วครู่หนึ่ง

ในอีกคู่หนึ่งโดยเฉพาะด้านหนุ่มใบ้ จะมีทรงผมแสกกลาง เสื้อยืดกับชุดกางเกงยีนส์เรียบๆ ขับให้ตัวละครดูรักอิสระแต่มีความใสซื่อ และ เด็กน้อยคนหนึ่งบนคราบร่างกายผู้ใหญ่ ส่วนหญิงสาวผู้โดนหักหลังทรยศ ก็ไม่วายมีทรงผมฟูฟ่องและโดดเด่น บ่งบอกความอิสระและสับสนไปเวลาพร้อมๆกัน

พอตัดกลับมาปัจจุบันผู้คนมักย้อนนึกถึงเรื่องราวเก่าๆหรือการย้อนเวลากลับไปยันสถานที่ต่างๆ ซึ่งอิทธิพลทางงานภาพยนตร์และตัวแฟชั่นได้ส่งผลให้วัยรุ่นกลับมาแต่งตัวสไตล์ Y2K และ Grunge กับ retro 90s กันได้ในราคาสบายกระเป๋ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเข็มขัด รองเท้า แว่นตา โทนสีที่ยิ่งทำให้พวกเราผสมผสานเทคโนโลยีปัจจุบันเพื่อปรินท์ลายผ้าต่างๆได้อิสระมากขึ้นกับการโพสต์ท่าเก๋ๆด้วยกล้องฟิล์มคอมแพค กับการกต่งฟิลเตอร์สวย เริ่ด เชิดพร้อมแคปชั่นไดจีคูลๆ ยิ่งสะท้อนถึงความมูฟออนเป็นวงกลมกับแฟชั่นที่ไม่เคยล้าสมัยเลย

ไม่ว่าจะเป็นการทำงานโดยที่ไม่พบเจอหน้ากันในรอบ 3 ปี ถึงจะต้องมาเจอหน้ากันเพื่อลาจาก กับ การตามหาคนที่หักหลังโดยที่อีกฝ่ายมีความรักผลิบานออกมาโดยไม่รู้ตัวจึงทำให้สุดท้ายต้องปล่อยเขาไปเจอที่ดีกว่าก็ตาม มันก็คือความรักแบบ ‘หว่อง’ ที่ผู้คนยุค 90 s พูดถึงดีนักแล แม้แค่ระยะเวลาสั้นๆหรือความผูกพันธ์ต่างๆมันทำให้เราจดจำมันได้ดีว่า

“พวกเราเป็นคู่หู่กัน มันไม่ควรจะมีความรักมาเกี่ยวข้องกัน
มิฉะนั้นหากอยู่ใกล้กันอาจรู้สึกหวั่นไหวใจก็ได้”

ถึงแม้ประโยคเหล่านี้ดังกึกก้องจากหูฉันจนเสียงอุโมงค์ที่ออกไปจากรัชดาก็ผ่านพ้นไปเสียแล้ว จู่ๆเหล่าเม็ดฝนกระหน่ำสาดลงไปในตัวรถฉันจนไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ สุดท้ายได้แต่มองฝนที่หยดชั่วครู่เหมือนหน้าต่างที่พัดปลิวบนเมืองที่เล็กและแคบของกรุงเทพฯก็มิอาจทนความเหงาในหัวใจให้ห้ามไม่รู้สึกกันได้

Content Creator

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า